7 ข้อควรรู้ก่อนเลือกใช้ "SAFETY RELIEF VALVE"
1. ใช้กับของไหลประเภทไหน ?
ใช้งาน Safety valve กับของไหลประเภท Steam, Water, Air, Oil หรือ Gas
2. แรงดันที่ต้องการใช้งาน
แรงดันใช้งานที่ต้องการและแรงดันสูงสุด เช่น กี่ Psi, Kg/cm2 หรือ MPa แรงดันที่ต้องการใช้งาน
3. อุณหภูมิที่ต้องการใช้งาน
อุณหภูมิของของไหลที่ต้องการใช้งาน เช่น 150 องศาเซลเซียสอุณหภูมิที่ต้องการใช้งาน
4. End connection ใช้แบบไหน
End Connection ที่ต่อใช้งานเป็นแบบใด เช่น หน้าแปลน,เกลียว
5. อัตตราการระบายที่ต้องการ
- ในกรณีที่ใช้กับ Boiler Safety valve ต้องมีอัตราการระบายไอมากกว่าหรือเท่ากับอัตราการผลิตไอของ Boiler
- ในกรณีที่ติดตั้งที่ด้านขาออกของ PRV ควรมีอัตราการระบาย 10 % ของค่า flow rate สูงสุดของ PRV อัตราการระบายที่ต้องการ
6. กรณีเปลี่ยนแทนตัวเก่า
ในกรณีที่นําไปเปลี่ยนแทนของเดิมที่ชํารุดควรตรวจเช็คว่าขนาดของตัวเก่าว่ามีขนาดเท่าไหร่ เช่น 50A และรวมถึงอัตราการระบายของตัวเก่าด้วยกรณีเปลี่ยนแทนตัวเก่า
7. กรณีใช้งานกับแก๊สและของเหลว
สําหรับงานที่เป็นแก๊สและของเหลว ควรใช้ safety relief valve รุ่นที่มี o-ring (แบบ soft seat รุ่นที่ลงท้ายด้วย T) ซึ่งจะสามารถป้องกันการรั่วซึมของแก๊สและของเหลวผ่าน safety relief valveกรณีใช้งานกับแก๊สและของเหลว
สรุป ในโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีกระบวนการลำเลียง และจัดเก็บของไหลในระบบปิด จะทำให้มีโอกาสเกิดความดันส่วนเกินในระบบ หรือ Over Pressure ที่จะก่อให้เกิดการระเบิด สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ Safety Valve และ Safety Relief Valve คือ อุปกรณ์ที่มีหน้าที่ป้องกันแรงดันส่วนเกินในระบบ โดยวาล์วจะเปิดเพื่อระบายแรงดันส่วนที่เกินกว่าที่กำหนดออกเพื่อป้องกันอุปกรณ์ หรือ ผลิตภัณฑ์เสียหาย โดยส่วนใหญ่จะตั้งแรงดันสำหรับระบายที่ maximum allowable working pressure (MAWP) หรือ แรงดันที่ระบบสามารถรับได้ โครงสร้างวาล์วชนิดนี้ทำจากโลหะคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนและป้องกันแรงดันอากาศสูงได้ดีเยี่ยม จึงเหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่อนุญาตให้มีการรั่วไหลของก๊าซ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี งานระบบท่อส่งก๊าซ และอื่นๆ